วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555




อยากเป็นหมอ< ?

ตรียมตัวอย่างไร ถ้าอยากเป็นหมอ ??

  เรามาดูกันว่าเส้นทางการเป็นหมอนั้นจะต้องทำยังไงกันบ้าง? ไปดูกันเลย>>>>><<<<

เตรียมตัวอย่างไร ถ้าอยากเป็นหมอ ??
1. มีเป้าหมายที่แน่นอนว่าต้องการจะเป็น เพราะอย่างที่น้องๆ รู้กันว่า อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อมาดูแลผู้ป่วย บางครั้งก็ต้องอดหลับอดนอน อดเที่ยว ถ้าใครคิดว่าไม่ไหว เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน ส่วนใครมั่นใจว่ายังพร้อม ตามติดมาเลยครับ
 2. ขยัน ไม่เก่งเรียนหมอได้ไหม คำตอบคือ ได้ ถ้าขยัน ไม่จำเป็นต้องเก่ง ขยันอย่างเดียวก็ไปโลด อนาคตรุ่งแน่นอน
3. ซื่อสัตย์ อาชีพนี้ต้องซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ทั้งกับตัวเอง และต่อผู้ป่วย ต้องมีความเห็นใจ มีจรรยาบรรณ
4. เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่ขยัน 3 วัน ขี้เกียจ 7 วัน ก็เลิกเลยเหมือนกัน ฉะนั้น ห้ามเช้าชาม เย็นชามนะน้องๆ
5. ใฝ่รู้ อาชีพทางสายวิทย์ สุขภาพจะต้องดี ขยันอ่านหนังสือ หาความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอด เราจะเป็นหมอแผนปัจจุบัน ไม่ใช่แผนโบราณนะครับ
6. เห็นอกเห็นใจ ต้องเห็นอกเห็นใจผู้ป่วยเหมือนกับเป็นญาติของเราเองครับ แล้วจะทำให้เราตั้งใจและพร้อมช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา คนจะตายถ้าช้าไป 30 วินาทีเขาก็ไม่รอเราแน่นอน
ถ้าใครมีคุณสมบัติอยู่ใน 6 ข้อนี้ ก็เป็นหมอที่ดีได้แน่ๆ
จะต้องเรียนอะไรบ้างในคณะแพทย์??
     
       แพทย์ต้องเรียน 6 ปี จบมาเป็นหมอทั่วไป ใครขยันมากๆ ก็ไปเรียนต่อเป็นหมอเฉพาะทาง
       ปี 1เรียนวิทยาศาสตร์ทั่วๆ ไป เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ แคลคูลัส แม้กระทั่งภาษาอังกฤษ
       ปี 2เริ่มเข้าสู่ความเป็นหมอมากขึ้น น้องๆ ต้องเรียน "Anatomy"เราจะมีอาจารย์ที่มีบุญคุณต่อเรามากก็คือ "อาจารย์ใหญ่" ท่านเสียสละร่างกายอุทิศให้เราเรียนเกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ปอด ลำไส้ ฯลฯ ของจริงนะครับ และยังต้องเรียนเกี่ยวกับสรีรวิทยาระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ว่าทำงานอย่างไร
       ปี 3ก็เรียนเกี่ยวกับเชื้อโรคที่ก่อโรคแก่มนุษย์ ไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ แต่ต้องจำชื่อเชื้อโรคด้วย งานนี้ท่องกันมันส์ไปเลย และก็เริ่มลงรายละเอียดเกี่ยวกับโรคต่างๆ พยาธิวิทยา และเรียนเกี่ยวกับยาด้วย
      ปี 4 - 5 - 6เรียนเกี่ยวกับผู้ป่วยจริงๆ น้องๆ ต้องขึ้นปฏิบัติงานที่หอผู้ป่วยตามแผนกต่างๆ เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม สูตินรีเวช กุมารเวช กระดูก ตา หู คอ จมูก ฯลฯ น้องๆ จะได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมงานดูแลผู้ป่วย ที่จะมีอาจารย์หมอ พี่ที่เรียนเฉพาะทางช่วยดูแลเราอีกทีหนึ่งครับ

      จบปี 6 ต้องทำอะไรบ้าง??
       สำคัญที่สุดคือ การสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบประกอบโรคศิลป์ ต้องสอบทั้งหมด 3 ขั้นตอน ถ้าสอบผ่านทั้ง 3 ขั้นตอนน้องๆ ถึงจะได้รับใบประกอบโรคศิลป์ หลังจากนั้นก็ลุยโลดเลยครับ
1+2 =3
       แต่ลืมบอกไปว่า น้องต้องผ่านขั้นตอนที่ 1 และ 2 ทั้ง 2 ขั้นตอน ถึงจะมีสิทธิ์สอบขั้นตอนที่ 3 ได้

      ใบที่ 1 เป็นข้อสอบข้อเขียน ข้อสอบมี 300 ข้อ จะสอบเกี่ยวกับทฤษฎี เป็นความรู้ทาง Anatomy สรีรวิทยา เรื่องยา ฯลฯ สอบตอนจบปี 3 กำลังจะขึ้นปี 4
      ใบที่ 2สอบตอนจบชั้นปี 5 กำลังจะขึ้นปี 6 มีข้อสอบ 300 ข้อ เป็นความรู้ทางคลินิกเกี่ยวกับการรักษาโรค การวินิจฉัยโรค
      และขั้นตอนสุดท้าย ใบที่ 3 สอบตอนปี 6 ประมาณปลายปี ข้อสอบมี 20 ข้อ เป็นข้อสอบปฏิบัติ มีหัวข้อ การซักประวัติ การตรวจร่างกาย การทำหัตถการทางคลินิก การให้คำแนะนำผู้ป่วย การวัดผลทางห้องปฏิบัติการ ต้องผ่านอย่างน้อย 12 ข้อ แต่ละข้อมีเวลาให้ทำ 5 นาที จะมีผู้ป่วยจำลอง ผู้ป่วยจริงมาสอบเรา บอกได้ว่า โหด มาก แค่เจอหน้าอาจารย์หมอก็สั่นแล้วครับ ฉะนั้น นักศึกษาแพทย์ต้องเตรียมตัวกันดีๆ เลยละครับ
      เฮ้อ กว่าจะได้เป็นหมอ ยากไหมครับ แต่พี่ก็เชื่อว่า น้องๆ หลายๆ คนในสามอาจารย์จะมีคนที่สามารถเป็นหมอได้ พี่เห็นแววอยู่หลายคนครับ
      คราวนี้ก็อยู่ที่ตัวน้องเองแล้วครับ ที่นี่เราอยู่กันแบบสบายๆ ใครมีอะไรเกี่ยวกับวิชาเรียนก็สามารถถามอาจารย์ได้เต็มที่เลยครับน้องๆ
       ก่อนจากกันเฉพาะเรื่องนี้ พี่มีคาถาสำคัญแห่งความสำเร็จฝากไว้ให้น้องๆ ครับ
       จำไว้ให้ขึ้นใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ความสำเร็จเป็นของน้องๆ แน่นอน
1. ขยัน
2. ขยัน มาก
3. ขยัน มาก มาก
สู้ครับน้อง
พบกันใหม่ตอนหน้า ขอเวลาไปตรวจคนไข้ก่อนนะครับ


Credit by : www.urrac.com/summercamp2012